วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2558

พระยอดขุนพลกรุถ้าขุนตาน(ยอดขุนพลซุ้มขุนตาน) พระเครื่องแห่งความสุขของครอบครัว



พระยอดขุนพลกรุถ้าขุนตาน พิมพ์ใหญ่-กลาง-เล็ก

พระยอดขุนพลกรุถ้าขุนตาน หรืออีกชื่อ พระยอดขุนพลซุ้มขุนตาน เป็นพระกรุสกุลลำพูนเนื้อชินและเนื้อดิน ซึ่งมีความก่าแก่และเชื่อกันว่าเป็นพระเครื่องแห่งความสุขของครอบครัวมีไว้ติดบ้านจะอยู่เย็นเป็นสุข


นครลำพูน ในพงศาวดารได้กล่าวถึง พระนางจามเทวี ได้รับการอัญเชิญมายังนครนี้ และขึ้นเป็นกษัตริย์ครองกรุงหริภุญไชย เมื่อพ.ศ.๑๒๐๕ ตำนานได้กล่าวถึงเรื่อง พระนางจามเทวี ได้ทรงสร้างวัดและถาวรวัตถุในศาสนสถาน ที่สำคัญที่สุด คือ ทรงสร้างจตุรพุทธปราการ โดยสร้างวัดไว้ทั้งสี่ทิศ เป็นพุทธาวาสที่สำคัญ ที่ชาวเมืองเรียกว่า วัดสี่มุมเมือง ทรงสร้างไว้เมื่อ พ.ศ.๑๒๒๓ เพื่อเป็นการคุ้มครองเมืองไว้ทั้งสี่ทิศ ที่มีปรากฏอยู่ดังนี้ ๑.วัดพระคงฤาษี อยู่ด้านทิศเหนือ ๒.วัดดอนแก้ว อยู่ด้านทิศตะวันออก ๓.วัดมหาวัน อยู่ด้านทิศตะวันตก และ ๔.วัดประตูลี้ อยู่ด้านทิศใต้
            วัดทั้งสี่มุมเมืองนี้ เป็นแหล่งกำเนิด กรุพระเครื่อง อันมีชื่อเสียงที่สุดของเมืองลำพูน และยังเป็นหนึ่งในสุดยอดเบญจภาคี พระเนื้อดิน อันเป็นที่ปรารถนาของนักสะสมพระเครื่อง มาแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน อีกทั้งยังมีราคาสูงถึงเลข ๗ หลักมานานแล้ว คือ พระรอด กรุวัดมหาวัน นั่นเอง
            นอกจากนี้ ยังมี พระคง พระฤา (ลือ) พระบาง พระชุดดังกล่าวมีรูปแบบของศิลปะทวาราวดี และศิลปะศรีวิชัย ซึ่งสร้างขึ้นในยุคสมัยของนครหริภุญไชย ศิลปะทวาราวดี มีอายุราว ๑,๓๐๐ ปี
            เมืองลำพูน แห่งนี้ นอกจากมีพระเครื่องเนื้อดินหลักที่นิยมกันมากแล้ว พระพิมพ์อื่นๆ ของเมืองนี้ กลับได้รับความนิยมน้อยลง ซึ่งพระบางพิมพ์ของทางหัวเมืองเหนือนี้ บางพิมพ์มีความงดงามอลังการในด้านพุทธศิลป์ มีรายละเอียดวิจิตรบรรจง อ่อนช้อยสวยงาม โดยส่วนมากจะเป็นพระที่มีพิมพ์ค่อนข้างใหญ่โตพอประมาณ เช่น พระยอดขุนพลกรุถ้าขุนตาล ของ จ.ลำพูน
            พระพิมพ์นี้พบที่บริเวณในถ้ำขุนตาล หากเดินทางขึ้นเหนือ เมื่อผ่าน จ.ตาก ไป จ.ลำปาง-เชียงใหม่ จะผ่าน ศาลเจ้าพ่อขุนตาล บริเวณตรงนั้นชาวบ้านเคยเรียกกันว่า บ้านตาล ในอดีตเป็นจุดที่นักรบผู้กล้าหาญ ซึ่งเป็นเจ้าเมืองถูกประหารชีวิต ต่อมากลายเป็นศาลศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองลำพูน มีประวัติความเป็นมาน่าประทับใจ  คือ

            หลังจากที่ พญาเม็งราย เจ้าแห่งหัวเมืองเหนือ สร้างเมืองเชียงราย เมื่อพ.ศ.๑๘๐๕ แล้ว พระองค์ได้เริ่มรวบรวมแว่นแคว้น พร้อมทั้งหัวเมืองต่างๆ ให้เป็นอาณาจักรรวมกัน ในเวลานั้นยังมีเมืองที่เข้มแข็งมากอยู่อีก ๒ หัวเมือง ที่ไม่ยอมสวามิภักดิ์ คือ เมืองหริภุญไชย และเมืองพะเยา
            เมืองพะเยากับเมืองเชียงรายนั้น เกื้อหนุนเกื้อกูลและเป็นมิตรสหายกัน คงเหลือเพียงเมืองหริภุญไชยเท่านั้นที่ยังอยู่นอกเหนืออำนาจของพญาเม็งราย อีกทั้งเมืองหริภุญไชยเป็นอาณาจักรใหญ่ เก่าแก่แต่ดั้งเดิมมา อีกทั้งมีความเข้มแข็งในด้านสรรพกำลัง จึงยากต่อการตีเมืองเพื่อยึดครอง
            ต่อมาขุนนางของเมืองเชียงราย ชื่อ ขุนฟ้า จึงเสนออุบายแยบยลที่จะไปโค่นล้มเมืองหริภุญไชย อาสาไปรับราชการเป็นไส้ศึก กับ พญายีบา เจ้าเมืองหริภุญไชย ขุนฟ้าอยู่นานถึง ๗ ปี โดยการทำอุบายยุยงให้พญายีบา กดขี่ราษฎร ขาดทศพิศราชธรรม จนราษฎรเกลียดชัง ขาดความสามัคคีในการต่อสู้ป้องกันเมือง
            ต่อมา พญาเม็งรายจึงสามารถตีหริภุญไชยได้อย่างง่ายดาย พญายีบาแพ้สงครามหนีไปอยู่กับ พญาเบิก ลูกชาย ซึ่งขณะนั้นเป็นเจ้าเมืองลำปาง พญาเบิกเตรียมซ่องสุมกำลังพลอยู่ ๑๔ ปี พร้อมยกทัพกลับมาหมายยึดตีเมืองหริภุญไชยคืนให้กับบิดา
            ด้านเมืองเชียงราย พญาเม็งรายเจ้าเมืองให้ ขุนสงคราม โอรสออกมายันทัพ และกระทำยุทธหัตถีกับพญาเบิก ที่บ้านขัวมุงขุนช้าง ใกล้เวียงกุมกาม (สารภี) พญาเบิกพลาดพลั้งเสียท่า ถูกหอกแทงบาดเจ็บ ได้ตีฝ่าออกมาตั้งทัพที่บ้านตาน ขุนสงครามตามมาสู้รบกันต่อ สามารถจับตัว และให้ประหารชีวิตพญาเบิก ชาวบ้านชื่นชมในความกล้าหาญและกตัญญูของพญาเบิก จึงได้สร้างศาลให้ และขนานนามว่า ศาลเจ้าพ่อขุนตาล
            ปัจจุบัน หากเดินทางโดยรถไฟผ่านลำปาง มุ่งหน้าขึ้นเหนือไปเชียงใหม่ มีเส้นทางสุดแสนประทับใจให้นักเดินทางได้ย้อนยุคพบกับประวัติศาสตร์ นั่นคือได้ลอด ถ้ำขุนตาล
            อุโมงค์ถ้ำขุนตาล เกิดจากการตัดเส้นทางรถไฟ หลังการขุดเจาะอุโมงค์ที่ถ้ำขุนตาลแล้วเสร็จใน พ.ศ.๒๔๖๑ ที่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งจากความต้องการไม้สักของ บริษัทบอมเบย์เบอร์ม่า ซึ่งเป็นบริษัททำไม้ของประเทศอังกฤษ นอกจากนี้ยังเป็นเส้นทางลำเลียงไม้สัก ข้าวและถ่านหุงต้มในเขตตำบลทาปลาดุก ลงไปยังตลาดภาคกลาง ได้สะดวกรวดเร็ว
            พระยอดขุนพลกรุถ้ำขุนตาล จ.ลำพูน มีหลายพิมพ์ คือ พิมพ์ใหญ่ กลาง เล็ก และพิมพ์ยืน พระที่ขุดพบมีเนื้อชินปนตะกั่ว และเนื้อดิน พระบางองค์มีทองเก่าปิด บางองค์ทาชาดสีแดงสดทับมาเดิมจากในกรุ
            จำนวนพระที่พบมีมากพอประมาณ พุทธลักษณะ พิมพ์ใหญ่ องค์พระมีพระพักตร์คมชัด พระเนตรยาวเรียว พระขนงสองข้างโค้งแบบปีกนก พระเกศแบบเปลวเพลิงสูงเรียวยาว พระกรรณยาวลงมาจรดพระอังสาทั้ง ๒ ข้าง ประทับนั่งปางมารวิชัย อยู่ในซุ้มเรือนแก้วแบบใบเสมาทรงสูง ซึ่งซุ้มด้านบนมีลักษณะโค้งมนซ้ายขวาทั้งสองข้าง เหนือซุ้มเรือนแก้วด้านบนมีเส้นลายขีดละเอียดมากมายขึ้นไปจรดขอบบน  ในบริเวณเสาซุ้มเป็นแบบกนก ทั้ง ๒ เสา มีลวดลายเป็นขีดร่อง ทำให้เสาดูแข็งแรงเข้ารูปทรงสวยงามยิ่ง องค์พระประทับอยู่บนฐานบัวเล็บช้างสองชั้น ซึ่งแต่ละชั้นมีดอกบัวฐานละ ๕ ดอก
            พิมพ์กลาง มีพุทธลักษณะเหมือนพิมพ์ใหญ่ทุกประการ แต่มีขนาดย่อมลงมา ส่วน พิมพ์เล็ก ต่างจากพิมพ์ใหญ่และพิมพ์กลาง คือ ซุ้มเรือนแก้วด้านบนมีลักษณะต่างกันคือ ไม่โค้งมน แต่มีลักษณะเป็นยอดแหลมแบบใบเสมาทั่วไป และด้านล่าง ประทับอยู่บนฐาน ๒ ชั้น แบบไม่มีบัวเล็บช้างเหมือนพิมพ์อื่นๆ
            พระยอดขุนพลกรุถ้ำขุนตาล ด้านหลังบางองค์เรียบตรง บางองค์มีลายเสี้ยนแบบกาบหมาก ถึงแม้จะเป็นพระค่อนข้างใหญ่  แต่พิมพ์เล็กก็มีขนาดพอควร กว้าง ๓.๕ ซม. สูง ๖.๓ ซม. ส่วนพิมพ์ใหญ่และกลางมีขนาดใหญ่กว่าพิมพ์เล็ก เล็กน้อย ตามลำดับ
            พุทธคุณ ดีทางแคล้วคลาด ปัจจุบันในสนามพระพอที่จะหาชมและเช่าบูชาได้ไม่ยากนัก ราคาเช่าบูชาหลักพันกลาง ถึงพันปลายๆ องค์ปิดทองและมีชาดแดงสด สมบูรณ์เต็มๆ ราคาขึ้นหมื่นกว่าๆ แบบชนิดที่หาของสวยยากสมตามราคาที่แพงมากขึ้น
 ชาวเหนือแท้ๆ นิยมเก็บพระพิมพ์นี้ไว้บูชาประจำบ้าน เพราะเชื่อในความศักดิ์สิทธิว่า สามารถขอพรให้ลูกหลานเกิดสิริมงคล และดลบันดาลให้เกิดความกตัญญูต่อบุพพการี เหมือนเจ้าพ่อขุนตาล เมื่อปฏิบัติดี มีจิตใจดีงาม ก็จะมีความเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น และมีความสุขกันทั้งครอบครัว



ที่มา http://www.komchadluek.net/detail/20110929/110433/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%82%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%96%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%82%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%88.%E0%B8%A5%E0%B8%B3%E0%B8%9E%E0%B8%B9%E0%B8%99.html

พระยอดขุนพลกรุสันป่าเปา บ้านนาน้ำมัน จังหวัดลำปาง

พระยอดขุนพลกรุสันป่าเปาพิมพ์เกศสั้น (สอบถามติดต่อ 086-2533217)

พระยอดขุนพลกรุสันป่าเปา
เป็นพระสุดยอดพุทธศิลป์และพุทธคุณสุดยอดแคล้วคลาดที่สำคัญมีให้เห็นไม่เยอะ เพราะหลังจากกรุแตก(ขุดค้นเจอ)บรรดาเซียนทั้งหลายก็ลงพื้นที่ไปเก็บจากชาวบ้านเป็นที่เรียบร้อย จากการลงพื้นที่และสอบถามเจ้าอาวาสวัดสันป่าเปา ท่านบอกว่าทั้งหมู่บ้านแทบจะไม่มีพระชุดนี้ให้เห็นแล้วเนื่องจากเหตผลข้างต้น สถานที่ขุดพระเจอก็เป็นกู่เก่าซึ่งห่างจากวัดไปไม่ไกล สภาพเหลือเศษอิฐให้เห็นบ้างเป็นเนินดินไม่ใหญ่มากตามภาพ

สถานที่ขุดเจอพระยอดขุนพลกรุสันป่าเปา
วัดสันป่าเปาบ้านนาน้ำมัน

ประวัติและที่มาของพระยอดขุนพลกรุสันป่าเปา

"ลำปาง" เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคเหนือตอนบน ภูมิประเทศอุดมสมบูรณ์ด้วยป่าไม้และภูเขาสูง มีประวัติศาสตร์เก่าแก่ยาวนาน มีชื่อเดิมว่า เขลางค์นคร เป็นที่รู้จักกันดีอีกชื่อหนึ่งว่า เมืองรถม้า

                ในอดีตลำปางเป็นเมืองสำคัญเมืองหนึ่งในล้านนา เป็นจุดศูนย์รวมทางด้านศิลปะ วัฒนธรรม สถาปัตยกรรมล้านนาอันโดดเด่น สมัยกรุงศรีอยุธยา อาณาจักรล้านนารวมไปถึงนครลำปางได้ตกเป็นเมืองขึ้นของพม่ามานานนับสองร้อยปี ดังนั้นสถาปัตยกรรม วัดวาอาราม โบราณสถานต่างๆ ในเมืองลำปางจึงได้รับอิทธิพลของศิลปะพม่าเห็นได้อย่างชัดเจน อาทิ วัดศรีชุม วัดพระแก้วดอนเต้าฯ

                พระกรุที่เลื่องชื่อ ของ จ.ลำปาง คือ พระยอดขุนพล กรุสันป่าเปา ซึ่งขุดพบบริเวณใกล้ วัดสันป่าเปา อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง พุทธลักษณะเป็นพระปางมารวิชัยสวมหมวกชีโบ ประทับนั่งบนฐานบัวรวน เหมือนเกศเป็นปรกซุ้มเถาวัลย์เลื้อย ศิลปะแบบเชียงแสนล้านนา
                ขนาดองค์พระ ฐานกว้าง ๒ เซนติเมตร มีความสูง ๕ เซนติเมตร และมีความหนาประมาณ ๑.๕ มิลลิเมตร ส่วนเนื้อหาของพระมีทั้งเนื้อชินเงินและตะกั่วสนิมแดง องค์พระพบว่ามีทั้งที่ลงทอง ลงชาดเดิมๆ มาจากกรุ ซึ่งบางองค์ไม่ได้ลง

                ส่วนพิมพ์ทรงพบว่ามีอยู่สองพิมพ์ คือ พิมพ์เกศสั้นและพิมพ์เกศยาว พระยอดขุนพล กรุสันป่าเปา เริ่มแตกกรุออกมาเมื่อราวปี พ.ศ.๒๕๐๐ เมื่อมีชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงวัดสันป่าเปา ได้พบพระเครื่องจำนวนหนึ่งโดยบังเอิญ ขณะทำนากลางฤดูฝน ซึ่งที่นานั้นอยู่ติดกับองค์กู่เก่า หรือเจดีย์เก่าๆ ซึ่งมีจำนวนหลายองค์ในบริเวณวัด ที่มีเนื้อที่กว้างนับสิบๆ ไร่

                หลังจากที่มีข่าวว่ามีการพบพระเครื่อง บริเวณนั้นกระจายออกไป ก็มีชาวบ้านเริ่มออกเสาะแสวงหาจากการขุดค้นของชาวบ้านยังพบ แจกัน ถ้วยชาม จานกระเบื้อง เครื่องประดับโบราณ ลูกปัดชนิดต่างๆ และที่สำคัญยังได้พบหินเสมาเก่าแก่สวยงามมากยังมีคนนำแผ่นเสมาหินนี้ไปครอบครอง แต่ไม่นานก็ต้องนำเอามาคืน

                สำหรับภาพพระองค์ครูฉบับบนี้เป็นภาพพระยอดขุนพล กรุสันป่าเปา จากหนังสือ "รวมสุดยอดพระเครื่องเมืองลำปาง ฉบับสมบูรณ์" ที่จัดทำโดย นายธีรเดช จังตระกูล หรือ ต้น ลำปาง ประธานชมรมผู้นิยมพระเครื่องเมืองลำปาง ซึ่งจะจัดงานประกวดพระเครื่อง ระหว่างวันที่ ๑๕-๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๖ ที่โรงยิมเนเซียมแฝด สนามกีฬากลาง

                หนังสือ "รวมสุดยอดพระเครื่องเมืองลำปาง ฉบับสมบูรณ์" เป็นหนังสือรมพระเครื่องจังหวัดลำปางทุกประเภท ทั้งพระกรุ และพระเกจิ ความหนาประมาณ ๓๐๐ หน้า พิมพ์ ๔ สี ด้วยกระดาษอย่างดี เพื่อเป็นรางวัลสำหรับผู้ชนะเลิศการประกวดพระแต่ละรายการ

                ต้น ลำปาง บอกว่า พระยอดขุนพล กรุสันป่าเปา เป็นกรุที่อายุมากที่สุดยุคเชียงแสน อายุหลายร้อยปี แม้ว่าจะเป็นพระเก่าอายุการสร้างมากแต่ค่านิยมถือว่าไม่มาก สภาพสวยๆ อยู่ในหลักแสนต้นๆ เท่านั้น ส่วนสภาพที่พอแขวนได้อยู่ในหลักหมื่นกลางๆ ในขณะที่พุทธคุณนั้นมีคำเล่าลือเรื่อง "สุดยอดแห่งความแคล้วคลาด"

                ส่วนพระอีกกรุหนึ่งที่ก้ำกึ่งของการขึ้น คือ พระยอดขุนพล ซุ้มขุนตาล เป็นพระที่ขึ้นหลายจังวหวัด คือ ลำปาง ลำพูน เชียงใหม่ รวมทั้งเชียงรายด้วย ซึ่งแต่ละกรุเป็นพระที่มีพุทธคุณทั้งสิ้น และอายุในการสร้างอยู่ในยุคเดียวกัน

ที่มา: http://www.komchadluek.net/detail/20130608/160476/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%82%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%94.html